PostHeaderIcon ทานน้ำตาลอย่างไรให้มีประโยชน์






ทานน้ำตาลอย่างไรให้มีประโยชน์

อย่างที่บอกว่า (ทุก ๆ อย่างในโลกนี้) ไม่มีอะไรดีไปกว่าการรักษาสมดุล และการรับประทานให้พอดี เลือกทานอาหารให้ครบทุก 5 หมู่ รวมทั้งแร่ธาตุต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะแป้ง (น้ำตาล) ไขมัน และโปรตีนสามสารอาหารสำคัญที่ร่างกายจะขาดไม่ได้ โดยในส่วนของน้ำตาลนั้น จะเป็นสารอาหารหลักที่มีส่วนช่วยในการย่อยและดูดซึมอาหาร แต่ทั้งนี้อาหารในแต่ละมื้อควรควบคุมไม่ให้มีปริมาณของคาร์โบไฮเดรตที่มากเกินไป งดทานหวานจัด หรือใช้น้ำตาลเทียมมาทดแทนบ้าง คนทานหวานมากอยู่แล้วควรเลือกเครื่องดื่มที่ไม่ผสมน้ำตาลโดยเฉพาะน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลมากถึง 13 ช้อนชาต่อขวด (ถ้าห้ามใจไม่ไหว ลองเลือกดื่มแบบใช้น้ำตาลเทียม ส่วนคนที่ชอบตบท้ายเมนูด้วยขนมหวานด้วยคัสตาร์ด ไอศกรีม หรือขนมอบต่าง ๆ ลองเปลี่ยนเป็นผลไม้ ที่มีน้ำตาลตามธรรมชาติอยู่แล้ว) นาน ๆ ทานขนมสักครั้งจะดีกว่า



สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมน้ำตาลและอาหารประเภทแป้งได้ตามปกติ ทำให้มีปริมาณกลูโคสในเลือดสูงกว่าคนทั่วไป อย่างไรก็ดี ไม่มีการศึกษาที่แน่ชัดว่า การทานน้ำตาลในปริมาณมากจะส่งผลโดยตรงให้เกิดโรคชนิดนี้ เพราะผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจำนวนมาก ใช่ว่าจะเป็นชอบทานอาหารหวานมาแต่ไหนแต่ไร แต่เป็นผลจากการทำงานของร่างกายที่ผิดปกติ และเป็นเพราะกรรมพันธุ์มากกว่า แต่ทั้งนี้ก็ไม่ผิดนักที่หากเป็นโรคแล้ว ก็ต้องให้ความใส่ใจในเรื่องปริมาณน้ำตาล (ในร่างกาย) อย่างมาก เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป ที่ควรควบคุมไม่ให้ร่างกายรับประทานอาหารประเภทใดมากเกินไป เพราะจะทำให้โรคต่าง ๆ ถามหาได้ไม่ยากในภายหลัง

รู้ที่มาและข้อเท็จจริงเช่นนี้แล้ว ก็ควรเลือกทานแป้งและน้ำตาลให้เหมาะสมกับกิจกรรม และความต้องการของร่างกาย นักกีฬาอาจต้องการแป้งและเนื้อสัตว์มากกว่าคนทั่ว ๆ ไป คนที่มีอาการหน้ามืด วิงเวียนง่าย ก็ควรทานน้ำตาลมากขึ้น ส่วนคนอ้วนและคนผอม ก็ใช่ว่าจะต้องลดหรือเพิ่มเพื่อให้รูปร่างสมส่วน แต่ควรแก้ไขพฤติกรรมการกินโดยรวม หรือพูดให้ง่ายเข้า ก็คือศึกษาความต้องการที่แตกต่างกันเสียก่อนแล้วหาจุดที่สมดุลของร่างกาย แล้วเลือกรับประทานอย่างเหมาะสม

ข้อสงสัยเกี่ยวกับการทานน้ำตาล
• น้ำตาลเป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุ ?
ความจริงคือ...ฟันผุเกิดจากการสะสมของแบคทีเรียและเศษอาหารโดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้งบริเวณพื้นผิวฟัน น้ำตาลเป็นสาเหตุหนึ่งแต่จะทำให้ฟันผุก็ต่อเมื่อเปลี่ยนเป็นแบคทีเรีย
• น้ำตาลทำให้อ้วน?
ความจริงคือ...ผลทดลองทางวิทยาศาสตร์พบว่าคนอ้วนหลายคนไม่ได้ทานน้ำตาลมากแต่กลับเป็นคนผอม ยิ่งไปกว่านั้นการทานอาหารประเภทแป้งจะช่วยระงับความอยากอาหารเป็นอย่างดี
• น้ำตาลเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ?
ความจริงคือ...นักวิจัยพบว่าน้ำตาลไม่ใช่สาเหตุดังกล่าว เพราะซูโครสและคาร์โบไฮเดรตทำงานแยกออกจากสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ
• ให้พลังงานแต่ไม่ให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์?
ความจริงคือ..น้ำตาลให้สารอาหารเช่นเดียวกับคาร์โบไฮเดรต 100% และช่วยส่งเสริมให้สารอาหารต่าง ๆ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
• น้ำตาลทำให้อ้วน?
ความจริงคือ...จริงที่น้ำตาลและแอลกอฮอล์จะให้ปริมาณแคลอรีที่สูงกว่าสารอาหารทั่วไป แต่ความอ้วนเกิดจากการกิน (หลาย ๆ อย่าง) ที่มากเกินไป และมีแคลอรีเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ


น้ำตาล’ กินอย่างไร ได้ประโยชน์
อ่านคำเตือนเกี่ยวกับน้ำตาลในเครื่องดื่มแล้วรู้สึกใจหาย เพราะแค่รู้ว่าชาเขียวจำพวกผสมน้ำผึ้งมีน้ำตาลถึง 3.75 ช้อนชาต่อขวด น้ำอัดลมมีน้ำตาล 3 ช้อนชา ส่วนชาเขียวผสมน้ำตาลมีน้ำตาลสูงถึง 15.6 ช้อนชาต่อขวด แล้วถ้ายิ่งดื่มทุกวัน วันละหลาย ๆ ขวด ปริมาณน้ำตาลจะสะสมในร่างกายมากมายขนาดไหน
โดยเฉลี่ยแล้วเราจึงรับประทานน้ำตาลเฉลี่ยอาทิตย์ละ 1 – 2 กิโลกรัม แต่อย่าเพิ่งตกอกตกใจไปว่าทำไมปริมาณถึงมากขนาดนั้น ความจริงคือนอกจากเครื่องดื่มที่ยกตัวอย่างไป น้ำตาลยังแฝงมากับอาหารทุกๆ ประเภท ไม่ว่าขนมปัง ลูกกวาด มายองเนส เนยถั่ว ซอสมะเขือเทศ ฯลฯ สามารถแยกแยะประเภทน้ำตาลได้เป็นกลูโคส ที่มีในผักและผลไม้ ซูโครส ในน้ำตาลทราย มอลโทส หรือน้ำตาลจากข้าวบาร์เล่ย์ แล็กโทส น้ำตาลในน้ำนม เด็กซ์โทรส ในอาหารชนิดแป้ง และฟรุกโทส ที่พบในผลไม้ชนิดต่างๆ
น้ำตาลจึงเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงได้ยาก และในความเป็นจริงน้ำตาลก็มีประโยชน์กับร่างกายมาก เว้นก็แต่คนที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักและผู้ที่เจ็บป่วย อาทิ โรคเบาหวาน การทานน้ำตาลที่ถูกต้องจึงเป็นการเลือกทานอย่างเฉลียวฉลาด และเหมาะสมกับความต้องการที่แตกต่างกัน

เรื่องดีต่อสุขภาพ

แม้เราจะถูกบอกมามากต่อมาก ว่าการทานน้ำตาลผ่านอาหารประเภทแป้ง (น้ำตาลเป็นสารอาหารในหมวดคาร์โบไฮเดรตซึ่งหลังจากที่ร่างกายย่อยแป้งก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล) หรืออาหารรสหวานมากๆ จะทำให้อ้วน และเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ควรหลีกเลี่ยงถึงขนาดไม่ทานแป้งและน้ำตาลเอาเสียเลย ในเมื่อน้ำตาลเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย และทำให้เรารู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า สังเกตง่ายๆ ว่าถ้าวันไหนที่เรารับประทานแป้งหรือน้ำตาลน้อย จะรู้สึกทันทีว่าร่างกายอ่อนล้า เฉื่อยชา หลายคนจึงเลือกดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวานหลังจากที่ใช้พลังงานมากๆ บ้างก็พกลูกกวาดไว้ติดตัวเนื่องจากมีอาการหน้ามืดวิงเวียนบ่อยครั้ง เพราะน้ำตาลนี่ล่ะที่ทำงานส่งผลโดยตรงต่อร่างกาย
นอกจากประโยชน์ต่อสุขภาพ น้ำตาลยังทำให้รสชาติอาหารกลมกล่อมยิ่งขึ้นและยังช่วยลดน้ำหนัก เรื่องของเรื่องคือ การลดน้ำหนักที่ได้ผล มักเป็นการลดปริมาณน้ำตาลให้น้อยลง แทนที่จะไม่ทานน้ำตาลเลย คนที่ลดน้ำหนักจนสำเร็จส่วนมาก จึงยังคงต้องการทานของหวานและแป้งอยู่ แต่ทานในปริมาณจำกัดส่วนคนที่หลีกเลี่ยงไปเลยจะยิ่งรู้สึกหิวและอยากทานของหวานมากขึ้นนั่นทำให้ไปรับประทานภายหลังเป็นจำนวนมากและทำให้น้ำหนักเพิ่มแทนที่จะลด
นอกเหนือจากการบริโภคแล้วน้ำตาลยังมีประโยชน์ในการรักษาโรคอีกด้วย หลายคนอาจทราบดีว่าเด็กๆ ในประเทศโลกที่สามต่างเสียชีวิตด้วยโรคท้องร่วงนับล้านๆ คนต่อปี ทางการแพทย์จึงนำน้ำตาลผสมกับเกลือมาหยอดให้เด็กๆ รับประทาน ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟู และตื่นตัวขึ้น เช่นเดียวกับการทำให้ร่างกายที่อ่อนแอกลับแข็งแรงขึ้นด้วยการทานน้ำตาลและวิตามินเอประกอบกัน ซึ่งเป็นวิทยาการที่แพทย์นำไปใช้กับประชากรในแอฟริกาใต้ รวมทั้งการนำไปใช้กับแผลใหญ่ติดเชื้อที่ได้ผลมาก เพราะน้ำตาลจะช่วยระงับการลุกลามของเชื้อ และทำให้แผลหายเร็ววันขึ้น
หลีกเลี่ยงในปริมาณมาก
แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องมีความระมัดระวัง เพราะหากมีน้ำตาลสะสมมาก ก็จะทำให้ร่างกายผลิตอินชูลินมากตามไปด้วย ซึ่งส่งผลแน่นอนสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวาน และยังทำให้การทำงานของฮอร์โมนไม่สมดุล รวมทั้งภูมิต้านทานในร่างกายลดลง สาเหตุมาจากการที่ร่างกายต้องการวิตามินซีเพื่อช่วยให้เม็ดเลือดขาวสามารถต่อต้านเชื้อโรคได้ แต่ทั้งนี้น้ำตาลและวิตามินซีมีโครงสร้างทางเคมีคล้ายคลึงกัน ดังนั้นหากร่างกายรับน้ำตาลเข้าไปมาก กลูโคสในน้ำตาลก็จะเข้าไปโอบล้อมเซลล์ ทำให้วิตามินซีไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ตามปกติภูมิคุ้มกันในร่างกายจึงทำงานด้อยประสิทธิภาพลง การรับประทานน้ำตาลจึงควรจำกัดในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยเกินไป
ขอยกตัวอย่างผลกระทบอื่นๆ ที่ตามมาหากเรารับประทานน้ำตาลเกินพอดี ผลวิจัยพบว่าน้ำตาลยังทำให้ร่างกายรับแร่ธาตุต่างๆ ได้น้อยลง ส่งผลต่ออารมณ์โดยตรงไม่ว่า ทำให้รู้สึกตื่นตัว ซึมเศร้ากังวล ขาดสมาธิ ทำให้เด็กๆ เฉื่อยชา ขาดความกระตือรือร้นในการทำกิจกรรม ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและแมกนีเซียมยากขึ้น มีส่วนทำให้เกิดฟันผุ เพิ่มคอเลสเตอรอล ทำให้ปวดศีรษะรวมทั้งอาการของไมเกรน ทำให้คลื่นสมองทำงานด้อยประสิทธิภาพซึ่งส่งผลต่อความคิดและจิตใจ เป็นต้น

แล้วจะทานอย่างไรดี?
ทุก ๆ อย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการรักษาสมดุล และการรับประทานให้พอดี เลือกทานอาหารให้ครบทุก 5 หมู่ รวมทั้งแร่ธาตุต่างๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะแป้ง (น้ำตาล) ไขมัน และโปรตีนสามสารอาหารสำคัญที่ร่างกายจะขาดไม่ได้ โดยในส่วนของน้ำตาลนั้น จะเป็นสารอาหารหลักที่มีส่วนช่วยในการย่อยและดูดซึมอาหาร แต่ทั้งนี้อาหารในแต่ละมื้อควรควบคุมไม่ให้มีปริมาณของคาร์โบใฮเดรตที่มากเกินไป งดทานหวานจัด หรือใช้น้ำตาลเทียมมาทดแทนบ้าง คนทานหวานมากอยู่แล้วควรเลือกเครื่องดื่มที่ไม่ผสมน้ำตาลโดยเฉพาะน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลมากถึง 13 ช้อนชาต่อขวด (ถ้าห้ามใจไม่ไหว ลองเลือกดื่มแบบใช้น้ำตาลเทียม ส่วนคนที่ชอบตบท้ายเมนูด้วยขนมหวานด้วยคัสตาร์ด ไอศกรีม หรือขนมอบต่าง ๆ ลองเปลี่ยนเป็นผลไม้ ที่มีน้ำตาลตามธรรมชาติอยู่แล้ว) นาน ๆ ทานขนมสักครั้งจะดีกว่า
สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมน้ำตาลและอาหารประเภทแป้งได้ตามปกติ ทำให้มีปริมาณกลูโคสในเลือดสูงกว่าคนทั่วไป อย่างไรก็ดี ไม่มีการศึกษาที่แน่ชัดว่า การทานน้ำตาลในปริมาณมากจะส่งผลโดยตรงให้เกิดโรคชนิดนี้ เพราะผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจำนวนมาก ใช่ว่าจะเป็นชอบทานอาหารหวานมาแต่ไหนแต่ไร แต่เป็นผลจากการทำงานของร่างกายที่ผิดปกติ และเป็นเพราะกรรมพันธุ์มากกว่า แต่ทั้งนี้ก็ไม่ผิดนักที่หากเป็นโรคแล้ว ก็ต้องให้ความใส่ใจในเรื่องปริมาณน้ำตาล (ในร่างกาย) อย่างมาก เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป ที่ควรควบคุมไม่ให้ร่างกายรับประทานอาหารประเภทใดมากเกินไป เพราะจะทำให้โรคต่าง ๆ ถามหาได้ไม่ยากในภายหลัง
รู้ที่มาและข้อเท็จจริงเช่นนี้แล้ว ก็ควรเลือกทานแป้งและน้ำตาลให้เหมาะสมกับกิจกรรม และความต้องการของร่างกาย นักกีฬาอาจต้องการแป้งและเนื้อสัตว์มากกว่าคนทั่ว ๆ ไป คนที่มีอาการหน้ามืด วิงเวียนง่าย ก็ควรทานน้ำตาลมากขึ้น ส่วนคนอ้วนและคนผอม ก็ใช่ว่าจะต้องลดหรือเพิ่มเพื่อให้รูปร่างสมส่วน แต่ควรแก้ไขพฤติกรรมการกินโดยรวม หรือพูดให้ง่ายเข้า ก็คือศึกษาความต้องการที่แตกต่างกันเสียก่อนแล้วหาจุดที่สมดุลของร่างกาย แล้วเลือกรับประทานอย่างเหมาะสม











1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

work แล้วอะ ทำกับมือ ยังไงก็แสดงความคิดเห็นด้วยครับ

(the wrong man)

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน

ผู้ติดตาม